ยาไอซ์หรือที่ชื่อวิทยาศาสตร์เรียกว่า เมทแอมเฟตามีน เป็นสารกระตุ้นประสาทและกระตุ้นการออกฤทธิ์การทำงานของระบบสมอง ระบบประสาท เป็นต้น ยาไอซ์ คือ เมทแอมเฟตามีน ซึ่งเป็นชื่อเรียกทางเคมีของยาไอซ์ และมีความบริสุทธิ์สูงกว่ายาบ้าหรือยาม้า, ยาขยัน, ยาแก้ง่วง, ยาโด๊ป, ยาตื่นตัว, ยาเพิ่มพลัง, WY, ตัวเล็ก สี่-ห้า เท่า ทำให้เสพติดได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า หลักการหลีกเลี่ยงและป้องกันการติดเมทแอมเฟตามีน และส่งผลกระทบต่อร่างกายร้ายแรงกว่ายาบ้า (amphetamine) มากมายหลายเท่า
เมทแอมเฟตามีน ดัดแปลงมาจากคำว่า เมทิล-แอมเฟตามีน ซึ่งเป็น ยากระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ที่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นยาคลายเครียดและในบางครั้งจะใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้นและโรคอ้วน เมทแอมเฟตามีนถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2436 และมีอยู่ 2 ชนิด คือ levo-methamphetamine และ dextro -methamphetamine หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยาไอซ์ หมายถึงสารเคมีจำเพาะอย่าง racemic ที่มีเบสอิสระ ซึ่งจะใช้เป็นส่วนผสมที่เท่ากันของเลโวเมทแอมเฟตามีนและเดกซ์โทรเมทแอมเฟตามีนในรูปแบบเอมีนบริสุทธิ์ ซึ่งผู้ที่ใช้ยาไอซ์จะไม่ค่อยมีการกำหนดความกังวลและความเป็นพิษต่อระบบประสาท ของมนุษย์ และในยาไอซ์มีศักยภาพที่ใช้ในการเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจในฐานะยาโดปที่จะส่งผลทำให้มีความต้องการทางเพศสูงมากขึ้น และเพิ่มความสนุกสนาน ท่ามกลางความกังวลอื่น ๆ เช่นเดียวกับความพร้อมของยาทดแทน คุณทำอะไรได้บ้างหากคนที่รักติดยา
ที่ปลอดภัยกว่าพร้อมประสิทธิภาพการรักษาที่เทียบเท่า กันเช่น Adderallและ Vyvanse Dextromethamphetamine เป็นตัวกระตุ้น CNS ที่แรงกว่า levomethamphetamine ทั้ง racemic methamphetamine และ dextromethamphetamine ถูกลักลอบค้าและขายอย่างผิดกฎหมายเนื่องจากมีศักยภาพในการใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ความชุกสูงสุดของการใช้ยาไอซ์อย่างผิดกฎหมายเกิดขึ้นในบางส่วนของเอเชียและโอเชียเนีย และในสหรัฐอเมริกา ที่ racemic methamphetamine และ dextromethamphetamine ถูกจัดประเภทเป็นสารควบคุม ตาม กำหนดการ II เลโวเมทแอมเฟตามีนมีจำหน่ายในรูปแบบยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) สำหรับใช้เป็นยาระบายคัดจมูกทางจมูกในสหรัฐอเมริกา ในระดับสากล การผลิต การจำหน่าย การขาย และการครอบครองเมทแอมเฟตามีนถูกจำกัดหรือห้ามในหลายประเทศ
การนำเอาสารเมธแอมเฟตามีน (Methamphetamine) มาให้ความร้อนจนทำให้สารเมธแอมเฟตามีน(Methamphetamine) ระเหิดจนจับตัวกันเป็นก้อนผลึกสีใสลักษระคล้ายน้ำแข็งผู้ใช้สารเสพติดส่วนใหญ่จึงตั้งชื่อให้เป็น “ยาไอซ์”
ยาไอซ์ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากประเทศแถบเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสามารถหาสารตั้งต้นอย่างสารเมธแอมเฟตามีน (Methamphetamine) ได้ง่ายแต่อย่างไรก็ตามยาไอซ์ก็สามารถผลิตได้ทุกที่ทุกแห่งที่มีเมธแอมเฟตามีน (amphetamine) หรือยาบ้า
เนื่องจากราคาของยาไอซ์ของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นมีราคาค่อนข้างที่จะไม่แน่นอนซึ่งจะมีราคาขายส่งอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาขายในตลาดมืดนิยมขายกันในเป็นกรัมหรือที่เรียกว่า “จี” ส่วนใหญ่จะขายกันในราคา กรัมละ 500 บาท แต่ก็ไม่แน่นอนเพราะบางพื้นที่อาจสูงถึง 1,200 บาทต่อกรัมเลยก็ได้
การเสพยาไอซ์ ส่วนใหญ่มักใช้อยู่ประมาณ 5 วิธี อาการดาวน์ยาไอซ์ ไฮค้าง
วิธีในการดูแลตนเอง จากการเสพยา ยาไอซ์หรือเมธแอมเฟตามีน (Methamphetamine) เป็นสารเสพติดที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) ยาไอซ์นั้นเปรียบเสมือนหัวเชื่อของยาบ้า ดังนั้นอาการการออกฤทธิ์ของยาไอซ์จะค่อนข้างคล้ายยาบ้าหรือก็คือผู้เสพจะมีอาการสนุกสนานครึกครื้น มีชีวิตชีวา ทำให้ร่างกายกระตุ้นสมองทำให้มีความสุขคึกคักมีแรง
สิ่งที่จำเป็นต้องทำ ในกรณีเร่งด่วน การใช้ยาไอซ์(เมทแอมเฟตามีน)ขนา ดดบางทีอาจเกิดขึ้นได้ถึงแม้ว่าจะเวลาใช้มัน เพียงนิดหน่อย เมื่อใช้ยาไอซ์เกินข นาด ผู้ใช้บางทีอาจรู้สึกปวดหัวโดยทันทีและรุนแรง หัวใจ เต้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่สม่ำ เสมอหรืออาจทำให้ อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นสูงมากขึ้น เป็น โรคทางจิตหรืออาจถึงแก่เสียชีวิตได้ ถ้าเกิดคุณเป็นห่วงว่าอาจมีผู้ที่มีการเสี่ยงเพราะว่าการใช้เมทแอมเฟตามีน รวมทั้ง/หรือสารเสพติดอันอื่น สามารถโทรศัพท์มาได้ที่เบอร์ 000 ในทันที ปกติ เจ้าหน้าที่การแพทย์จะ นำ ตำ รวจมาเกี่ยวข้องด้วย ถ้าหากพวกเขารู้ สึกถูกข่มขวัญ ถ้าเกิดคนอื่น ๆตกอยู่ภายใต้ การคุกคาม เกิดอาชญากรรมหรือถ้าหากมีคนตายแค่นั้น
1 จี เท่ากับ 1 กรัม
100 กรัม เท่ากับ 1 ขีด
10 ขีด เท่ากับ 1 กิโลกรัม
1 กิโลกรัม จึงเท่ากับ 1000 จี
อาการหลังจากการเสพยาไอซ์ครั้งแรก จะมีอาการตื่นตัวทางเพศ ผู้ที่เสพยาไอซ์ครั้งแรกอาการ จะมีอาการหนักกว่าคนที่เล่นมานาน เนื่องจากร่างกายยังไม่เคยรับสารนี้ทำให้เกิดอาการ อาการดีดยาไอซ์หรือมีอารมณ์สนุกสนานได้เร็วกว่ารู้สึกว่ากำลังออกไปท่องอวกาศ แต่ก็เสี่ยงที่ร่างกายจะเกิดอาการต่อต้านและแพ้ได้
อาการดาวน์ยาไอซ์ คืออะไร ไฮค้าง ยาไอซ์หมดฤทธิ์ แก้อาการเมายาไอซ์ ระบาดมากในกลุ่มของชายรักชาย กลุ่มคนที่มีเงินค่อนข้างมากเพราะราคาของยาไอซ์ค่อนข้างแพงมักได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น นายแบบ ดารา นักเต้น ฯลฯ เพราะเชื่อว่าเสพแล้วจะทำให้ผอม หุ่นดี ผิวขาวสมองดี เสพได้หลายรูปแบบ หลังจาก ผู้เสพยาไอซ์ มักจะมีอาการดีด มีอารมณ์สนุกสนานตลอดเวลาโดยไม่เหนื่อย ไม่หิว ดื่มแอลกอฮอล์ได้เยอะขึ้น มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น หากเสพมากเกินไปจะมีปัญหาทางจิตและประสาทรวมทั้ง กรณี ถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาไอซ์ เพื่อการผ่อนคลาย สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้ว่าสารต่าง ๆ มีผลอย่างไรต่อร่างกายเพื่อไม่ให้อันตราย
ปัจจุบันกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากซึ่งต้องให้ความรู้เยอะๆ คือ ชายรักชาย หรือ เกย์ ไบเซกซ์ชัวล์ จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีลดความเสี่ยงจากการใช้ ยาไอซ์ กลุ่มชายรักชาย เกย์ ไบเซกซ์ชัวล์ ที่จะใช้ในการเข้าร่วมกลุ่มกับ ปาร์ตี้ประเภทไฮฟันในกรณี ถ้าใช้ยาไอซ์ ร่วมกับการมีเซ็กซ์ กลุ่มชายรักชาย เกย์ ไบเซกซ์ชัวล์ อาจปลดล็อกความต้องการทางเพศของตัวเองจนกล้าทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำตอนที่ไม่ได้ใช้ยา หรือกล้าทำสิ่งที่ตัวเองไม่ได้อยากทำจริง ๆ อย่างเช่น คนเราในยามที่มีสติ เราจะทราบความต้องการของตัวเองว่า สามารถมีเซ็กซ์ได้นานเท่าไหร่ แต่เมื่อใช้ยาไอซ์ จะเปลี่ยนเป็นคนละคนจะมีสามารถมีเซ็กซ์ได้เป็นดวลานาน จนลืมเวลา เผลอมีเซ็กซ์นานกว่าปกตินานหลายชั่วโมง ทำให้เสี่ยงต่อ การร่วมเพศทางทวารหนัก จนเกิดการฉีกขาด เลือดออก อาจเสี่ยงติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอชไอวี (HIV)ได้ ยาไอซ์อาจทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกแบบหลอก ๆ ว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและผูกพันกับคนที่มีเซ็กซ์ด้วย นั่นไม่ใช่ความรู้สึกจริง ๆ สำหรับหลายคนที่ใช้ยาไอซ์ ร่วมกับเซ็กซ์บ่อย ๆ จะทำให้การมีเซ็กซ์ปกติโดยไม่ใช้ยาเป็นเรื่องยากมากขึ้นกลุ่มชายรักชาย เกย์ ไบเซกซ์ชัวล์ จะเสพติดการไฮขณะมีเซ็กซ์ หรือ ติดการมีเซ็กซ์ระหว่างไฮ ซึ่งไม่ใช่แค่ติดเซ็กซ์แต่จะเป็นแค่การติดยาไอซ์เท่านั้น
สิ่งสำคัญคือ กลุ่มชายรักชาย เกย์ ไบเซกซ์ชัวล์ ที่ติดเชื้อเอชไอวี และใช้ยาไอซ์ โดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการดื้อยาต้านไวรัสซึ่งมีกลุ่มคนนี้ที่ติดเชื้อ HIV จำนวนมากเข้าใจผิด นิยมใช้ยาไอซ์ โดยไม่สวมถุงยางอนามัย เพราะคิดว่ายังไงก็ติดเชื้อแล้วและกรณีผู้ใช้ยาไอซ์ มีผลเลือดบวก ได้รับการ กินยาต้านไวรัสกลุ่ม PI (Protease Inhibitors) คู่ไปกับการใช้ยาไอซ์ยาต้านกลุ่มนี้อาจทำให้การออกฤทธิ์ของยาไอซ์ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การโอเวอร์โดสและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ขณะที่ การโอเวอร์โดส คือมักใช้ยาไอซ์เกินขนาด การได้รับยาในขนาดสูง อุณหภูมิของร่ายกายจะสูงขึ้นมาก อาจมีอาการหลอน กลัว หวาดระแวง อาการชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้สำหรับ อาการดีดยาไอซ์ ส่วนใหญ่จะมีอาการ พูดเร็ว ๆ รัว ๆ ลิ้นพันกัน พูดไม่หยุดปาก เหงื่อแตก ชอบเลียปาก ตาขวาง ย้ำคิดย้ำทำ พูดวนไปวนมา จนมีอาการประสาทหลอนส่วน อาการดาวน์ยาไอซ์คือมีอาการทางจิตและประสาท พฤติกรรมเปลี่ยน เช่น ก้าวร้าว วิตกกังวล สับสน นอนไม่หลับ ปวดหัวรุนแรง จิตหวาดระแวง หลงผิด เพ้อคลั่งส่วนผู้ที่มีอาการดาวน์ยาไอซ์คืออาการหมดฤทธิ์ยานั่นเองจะรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ประสาทล้า ทำให้การตัดสินใจช้าและผิดพลาดเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้สมองเสื่อม เกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หวาดระแวง คลุ้มคลั่ง เสียสติ เป็นบ้า อาจทำร้ายตนเองและผู้อื่นได้หลังจากนำเสนอเรื่องราวการเตือนภัยของยาไอซ์แล้ว แต่สถิติ เกย์ไฮ หรือ ชายรักชาย ก็ยังได้รับความนิยมเสพยาไอซ์ มีจำนวนมาก